The Babysitter: Killer Queen

The Babysitter

The Babysitter: Killer Queen

การกลับมาครั้งนี้ของ The Babysitter: Killer Queen จะเกิด 2 ปีให้หลังจากเหตุการณ์สยองชวนปั่นจากภาคแรก พระเอกน้องโคลของเราก็ได้เรียนต่อในมหาลัยแต่ปัญหาคือไม่มีใครเชื่อเรื่องสยองที่เขาเจอเลย จึงถูกทุกคนมองว่าบ้า หรือ เพื้ยน ในวันต่อมาสาวเพื่อนสนิท เมลานี ชวนน้องโคลและเพื่อนมาเที่ยวเทศกาลสุดมันส์ แต่ความซวยก็มาเยือนเมื่อกลุ่มลัทธิซาตานจากภาคก่อนก็กลับมาฟื้นอีกครั้ง เพื่อที่จะสะสางพิธีสังเวยชิงเลือดเพื่อได้สิ่งที่ต้องการอีกครั้ง น้องโคลจะรอดจากกลุ่มลัทธิซาตานจอมป่วนได้อีกหรือไม่ต้องไปดูด้วยตาคุณเอง

The Babysitter: Killer Queen เป็นภาคต่อที่ทำออกมาได้สนุกเฟี้ยวฟ้าวหลุดโลก เลือดสาดกระจาย ที่ถ้าหนังเรื่องนี้อยู่ในมือใครที่ไม่ใช่ เมคจี คงไม่ออกมาสนุกหรรษาแบบนี้แน่ ๆ พร้อมกับบทสรุปสุดซิ้งที่เชื่อว่าทุกคนต้องร้องไห้ออกมาแน่ ๆ ถือว่าเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่ควรดูในช่วงสถานการณ์ในโลกไร้ความยุติธรรมของบ้านเรา ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจช่วยให้คุณแก้เครียดแก้แช็งได้ดีมากเหมือนกัน หลังจากที่หนุ่มน้อยอย่างโคล (จูดาห์ เลวิส) รอดชีวิตมาจากเหตุการณ์ที่พี่เลี้ยงสุดแซ่บจะจับเขามาบูชายันต์ แต่กลายเป็นว่าพ่อแม่และคนรอบตัวของเขาไม่มีใครเชื่อโคลสักคนเดียว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเขาจึงถูกสายตาจากเพื่อนและคนรอบข้างรุมประณามว่าโคลเป็นเด็กเลี้ยงแกะและกลายเป็นเด็กมีปัญหา ชีวิตในไฮสคูลที่วุ่นวายอยู่แล้วยิ่งวุ่นวายกว่าเดิม แต่โชคยังดีที่เขายังมีเพื่อนสาวคนสนิทอย่างเมลานี (เอมิลี่ เอลินด์ ลิน) ที่คอยอยู่เคียงข้างให้คำปรึกษา ฟีบี้ (เจนนา ออร์เทก้า) คือนักเรียนหญิงคนใหม่ที่เพิ่งจะย้ายโรงเรียนมา แต่ด้วยคาแรกเตอร์แปลกๆพร้อมกับรอยสักลายแมวดำ ทำให้โคลรู้สึกแปลกๆกับเธอ อย่างไรก็ตามในเย็นวันนั้นเองเมลานีตัดสินใจชวนโคลไปเที่ยวงานปาร์ตี้ที่ทะเลสาบด้วยการขโมยรถของพ่อตัวเองไปร่วมงาน พร้อมกับเหล่าผองเพื่อนพวกเขาลงเรือท่องเที่ยวเพื่อไปเอนจอยปาร์ตี้กันแบบสุดเหวี่ยง แต่ไม่นานนักโคลก็พบว่าเมลานีเป็นหนึ่งในสมาชิกในลัทธิซาตานและลงมือเชือดคอเพื่อนของตัวเองเพื่อเอามาบูชายันต์ (อีกครั้ง)

อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่าเคมีพระนางระหว่างโคลกับฟีบี้ ดูเหมือนจะลงตัวกันอย่างน่าประหลาดเมื่อหนังเริ่มเผยความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองให้คนดูได้ซึมซับเรื่องราวของพวกเขา อีกทั้งหนังเผยให้เห็นว่าตัวละครทั้งสองนั้นมีความเกี่ยวพันกันในแบบ “พรหมลิขิต” กันมาเนิ่นนานแล้ว ยิ่งทำให้เรื่องราวของพวกเขานั้นโรแมนติกและมีอะไรมากกว่าที่คิด

ท้ายที่สุดหนังยังอุบเซอร์ไพรส์บางอย่างเอาไว้ในช่วงไคลแมกซ์ รวมไปถึงช่วงเอนเครดิตท้ายเรื่องให้คนดูได้เฮกันอีกรอบ แม้จะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่นักแต่ถ้าต้องการดู The Babysitter: Killer Queen เอาบันเทิงแบบสติแตก คุณจะไม่ผิดหวังแต่อย่างใด